• Krungthai COMPASS เผยเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่ 3/2567 ขยายตัว 3.0%YoY เร่งตัวจากไตรมาสก่อนซึ่งเติบโต 2.2%YoY โดยมีปัจจัยหนุนสำคัญจากการบริโภคและลงทุนภาครัฐที่ปรับตัวดีขึ้นตามการเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณ ประกอบกับการส่งออกยังขยายตัวดี *** ประเมินเศรษฐกิจไทยในปี 2568 ยังเผชิญความไม่แน่นอน ซึ่งถือเป็นความเสี่ยงด้านต่ำต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจระยะข้างหน้า โดยเฉพาะสงครามการค้าที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น โดยสภาพัฒน์ประเมินว่าจะขยายตัวได้ในช่วง 2.3% ถึง 3.3%
Home CPNREIT แกร่งไตรมาส 3/67 เติบโตเด่น กำไรจากการลงทุนสุทธิ 1,032 ล. เพิ่มขึ้น 1%
CPNREIT แกร่งไตรมาส 3/67 เติบโตเด่น กำไรจากการลงทุนสุทธิ 1,032 ล. เพิ่มขึ้น 1%

CPNREIT แกร่งไตรมาส 3/67 เติบโตเด่น กำไรจากการลงทุนสุทธิ 1,032 ล. เพิ่มขึ้น 1%

ประกาศการจ่ายเงินให้ผู้ถือหน่วยทรัสต์ 0.2660 บาทต่อหน่วย รับยิลด์ 9%

“ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท” หรือ “CPNREIT” โชว์ฟอร์มแกร่งเกินคาด! ประกาศจ่ายเงินงวดไตรมาส 3/67 อัตรา 0.2660 บาทต่อหน่วย เพิ่มขึ้น 3.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและคิดเป็นผลตอบแทน (yield) 9% ขึ้น XD และ XN วันที่ 26 พ.ย.นี้ หลังจากทำกำไรจากการลงทุนสุทธิไตรมาส 3/67 สูงถึง 1,032 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% และมีรายได้รวม 1,507 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% หนุน 9 เดือนแรกปี 67 ทำกำไรจากการลงทุนสุทธิ 3,153 ล้านบาท และมีรายได้รวม 4,543 ล้านบาท มองเศรษฐกิจไทยปี 67 มีแนวโน้มขยายตัว 2.6% ปัจจัยหนุนจากการท่องเที่ยว การกระตุ้นใช้จ่ายของภาครัฐจาก Digital Wallet และโครงการ แอ่วเหนือ คนละครึ่ง หนุนการใช้จ่ายเพิ่ม

 


นางสาวนภารัตน์ ศรีวรรณวิทย์ กรรมการ บริษัท ซีพีเอ็น รีท แมเนจเมนท์ จำกัด ผู้จัดการกองทรัสต์ CPNREIT เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนปี 2567 (มกราคม-กันยายน) ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท (CPNREIT) สามารถทำผลงานเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง โดยมีรายได้รวม 4,543 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% และมีกำไรจากการลงทุนสุทธิ 3,153 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการบริหารโครงการอย่างมีประสิทธิภาพ สอดรับกับภาครัฐที่ได้มีนโยบายทางเศรษฐกิจออกมาเพื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย ส่งผลให้ภาคเอกชน ภาคบริการ และการจ้างงานเติบโตตามไปด้วย ขณะเดียวกันยังมีแรงขับเคลื่อนจากภาคการท่องเที่ยว ส่งผลให้ศูนย์การค้าและโรงแรมที่เป็นทรัพย์สินของกองทรัสต์ CPNREIT ทั้ง 7 โครงการ มีการฟื้นตัวกลับมาได้อย่างรวดเร็ว และมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่น ส่งผลให้รายได้ค่าเช่าและค่าบริการเพิ่มขึ้น 229 ล้านบาทจากปีก่อน คิดเป็นอัตราเติบโต 5%

ขณะที่ไตรมาส 3/2567 กองทรัสต์มีรายได้รวม 1,507 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้ค่าเช่าและค่าบริการ 1,503 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% แบ่งเป็น รายได้ค่าเช่าและบริการจากศูนย์การค้า 1,174 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากการเพิ่มรายได้จากพื้นที่ส่วนกลางและรายได้ค่าเช่าตามส่วนแบ่งยอดขาย รายได้ค่าเช่าและบริการจากอาคารสำนักงาน 4 อาคาร จำนวน 230 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% และรายได้ค่าเช่าจากธุรกิจโรงแรม 99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% จากการปรับเพิ่มขึ้นตามสัญญา ส่งผลให้กำไรจากการลงทุนสุทธิทำได้ 1,032 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาส 3/2567 CPNREIT มีสินทรัพย์รวม 91,900 ล้านบาท โดยมีสินทรัพย์ที่ลงทุนอยู่ ได้แก่ ศูนย์การค้า 7 โครงการ อาคารสำนักงาน 4 อาคาร และโรงแรม 1 แห่ง ส่งผลให้มีอัตราการเช่าพื้นที่ (Occupancy Rate) เฉลี่ยรวมอยู่ในระดับสูงที่ 91% และมีจำนวนผู้มาใช้บริการศูนย์การค้าเฉลี่ย 86% ของช่วงสถานการณ์ปกติ เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนหน้า จึงพิจารณาจ่ายเงินให้ผู้ถือหน่วยทรัสต์จากผลการดําเนินงานในไตรมาส 3/2567 ที่อัตรา 0.2660 บาทต่อหน่วย แบ่งเป็นเงินปันผล 0.2213 บาทต่อหน่วย และเงินลดทุน 0.0447 บาทต่อหน่วย โดยมีกำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD และ XN วันที่ 26 พฤศจิกายนนี้ และกําหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยทรัสต์ (Book Closing) เพื่อสิทธิในการรับประโยชน์ตอบแทนในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2567 และจ่ายเงินในวันที่ 12 ธันวาคม 2567 เมื่อรวมกับการจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนในช่วง 6 เดือนแรกปี 2567 กองทรัสต์จะจ่ายประโยชน์ตอบแทนที่อัตรารวม 0.7960 บาทต่อหน่วย คิดเป็นอัตราผลตอบแทน (yield) ที่สูงถึง 9% เมื่อเทียบกับราคาตลาด ณ วันที่ 14 พฤศจิกายน 2567 (11.30 บาทต่อหน่วย)


นางสาวนภารัตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัว 2.6% และ 3% ในปี 2567 และปี 2568 ตามลำดับ โดยปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากภาคการท่องเที่ยวที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงนโยบาย Digital Wallet ของภาครัฐที่จะช่วยกระตุ้นการใช้จ่าย หนุนการบริโภคภาคเอกชนให้ขยายตัวตามไปด้วย โดยเฉพาะหมวดบริการในภาคร้านอาหารและโรงแรม นอกจากนี้ ภาครัฐนำโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้มีนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยวในพื้นที่ภาคเหนือ ผ่านโครงการ “แอ่วเหนือ คนละครึ่ง” เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการจากผลกระทบน้ำท่วม คาดว่าจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและสร้างรายได้ให้กับประชาชนและผู้ประกอบการในพื้นที่ ขณะเดียวกัน ยังเอื้อประโยชน์ต่อศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงใหม่ แอร์พอร์ต และเซ็นทรัล ลำปาง ที่อยู่ภายใต้การบริหารกองทรัสต์ฯ อีกด้วย