· ฟีเจอร์ใหม่ช่วยให้มองเห็นการใช้พลังงานและทรัพยากรได้เหนือชั้น วิเคราะห์ข้อมูลย้อนหลังได้ มีตัวชี้วัดที่ละเอียด ช่วยให้องค์กรออกรายงานได้ตรงตามข้อกำหนดด้านความยั่งยืน
· มาพร้อมระบบออกรายงานได้รวดเร็ว ใช้ง่าย ไม่ซับซ้อน สามารถทำงานร่วมกับแบรนด์อื่นได้ และมีฟีเจอร์การส่งออกข้อมูล ใช้ง่ายเพียงแค่คลิกปุ่มเดียว
· โซลูชั่นใหม่นี้เป็นผลลัพธ์จากการลงทุนเชิงกลยุทธ์เป็นเวลาสามปี มีการพัฒนาและทดสอบอย่างละเอียด ภายใต้โครงการ Green IT Program นำโดย CIO ของ ของชไนเดอร์ อิเล็คทริค
ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ผู้นำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น ด้านการจัดการพลังงานและระบบอัตโนมัติ ชูนวัตกรรม EcoStruxure IT ล่าสุด ด้วยซอฟต์แวร์ DCIM (Data Centre Infrastructure Management) รูปแบบใหม่ มาพร้อมกับฟีเจอร์การสร้างรายงานความยั่งยืนได้โดยอัตโนมัติ การันตีโดยรางวัล การเปิดตัวครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากการลงทุนเชิงกลยุทธ์เป็นเวลาสามปี พร้อมการพัฒนา และทดสอบอย่างละเอียด ภายใต้โครงการ Green IT Program ของชไนเดอร์ อิเล็คทริค ซึ่งนำโดย อลิซาเบธ แฮคเคนสัน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสารสนเทศ (CIO) ของบริษัท
EcoStruxure IT รูปแบบใหม่ เริ่มให้บริการแก่ลูกค้าตั้งแต่เดือนเมษายน ฟีเจอร์การรายงานใหม่ที่ได้รับการปรับปรุงนี้ ผสานความเชี่ยวชาญกว่า 20 ปี ทั้งด้านความยั่งยืน การยึดถือกฎระเบียบ ความเชี่ยวชาญด้านศูนย์ข้อมูล และการพัฒนาซอฟต์แวร์ ผสานรวมกับเทคโนโลยีแมชชีนเลิร์นนิ่ง โดยวันนี้ผู้ใช้ EcoStruxure IT ทุกคนจะสามารถใช้ความสามารถใหม่นี้ได้ โดยไม่จำเป็นต้องเข้าใจเทคนิคเชิงลึก และไม่ต้องคำนวณข้อมูลด้วยตัวเอง
ฟีเจอร์ใหม่ของ EcoStruxure IT แตกต่างจากสิ่งที่มีในตลาด ช่วยให้จัดทำรายงานได้อย่างรวดเร็ว ใช้งานง่าย เหมือนเป็นผู้ช่วยที่รู้ใจ ช่วยให้ลูกค้าปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านกฎระเบียบด้านความยั่งยืนที่จะบังคับใช้ในอนาคตอันใกล้ เช่น ข้อกำหนดด้านประสิทธิภาพพลังงานของยุโรป (European Energy Efficiency Directive - EED) ความสามารถใหม่นี้ จะให้มากกว่าตัวชี้วัดตามข้อกำหนด EED ช่วยให้ลูกค้ามั่นใจว่าสามารถวัดข้อมูลประสิทธิภาพด้านพลังงานในศูนย์ข้อมูลได้แบบเรียลไทม์ รวมถึงข้อมูลในอดีตที่ผ่านมา ตามตัวชี้วัดการรายงานขั้นสูงทั้งหมดที่ระบุอยู่ใน White Paper
ซอฟต์แวร์ EcoStruxure IT ช่วยให้ทั้งเจ้าของและผู้ปฏิบัติงานสามารถวัดและรายงานประสิทธิภาพของศูนย์ข้อมูล ตามการวิเคราะห์แนวโน้ม และข้อมูลในอดีตที่ผ่านมา โดยทำงานร่วมกับ AI และการมอนิเตอร์แบบเรียลไทม์ เพื่อเปลี่ยนเป็นข้อมูลเชิงลึก ที่นำไปใช้ดำเนินการได้จริงเพื่อสร้างความยั่งยืนได้ดียิ่งขึ้น โดยฟังก์ชันที่เพิ่มเข้ามาใหม่ ช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถระบุปริมาณและจัดทำรายงานได้อย่างรวดเร็วแค่เพียงคลิก ช่วยตัดงานที่ต้องทำด้วยตัวเองออกไป ใช้ประโยชน์จากพลังของข้อมูลได้ง่ายและเร็วขึ้น เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของศูนย์ข้อมูลของตน
ประโยชน์หลักได้แก่
· คำนวณและติดตามค่า PUE ต่อไซต์/ห้อง ได้ตลอดช่วงเวลาด้วยวิธีการของ CEN/CENLEC 50600-4-2
· ใช้ประโยชน์จากโมเดลการวิเคราะห์ข้อมูล และดาต้าเลคบนคลาวด์ ที่ช่วยให้ออกรายงานค่า PUE ได้ง่ายขึ้น
· รายงานการใช้พลังงานปัจจุบันต่อไซต์/ห้อง และเปรียบเทียบกับแนวโน้มในอดีต
· ใช้ง่ายเพียงคลิกเดียว ในการทำรายงานตามข้อกำหนด
· ติดตามแนวโน้มได้ตลอดช่วงเวลาสำหรับศูนย์ข้อมูลต่างๆ และสภาพแวดล้อม IT แบบกระจายศูนย์
· เสริมศักยภาพให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงและจัดการข้อมูลของตนได้อย่างปลอดภัย ด้วยเครื่องมือที่ต้องการใช้งานโดยผสานการทำงานร่วมกับระบบงานอื่นรวมถึงการส่งออกข้อมูล
“ที่ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เราตระหนักดีว่า ความยั่งยืนคือการเดินทาง และในช่วงสามปีที่ผ่านมา เราได้ขยายการลงทุนเพื่อพัฒนาฟีเจอร์ซอฟต์แวร์ใหม่ๆ เพื่อช่วยให้ลูกค้าของเราสามารถดำเนินงานด้านโครงสร้างพื้นฐานไอทีได้อย่างยืดหยุ่น ปลอดภัย และยั่งยืนได้รวดเร็วและง่ายดายยิ่งขึ้น” เควิน บราวน์ รองประธานอาวุโส EcoStruxure IT ชไนเดอร์ อิเล็คทริค “ความสามารถด้านการจัดทำรายงานแบบใหม่ที่รวมอยู่ใน EcoStruxure IT ได้รับการทดสอบและนำไปใช้ในองค์กรของเราเองเช่นกัน และจะช่วยให้ลูกค้าสามารถเปลี่ยนข้อมูลที่ซับซ้อนให้เป็นข้อมูลเชิงลึกที่มีประโยชน์ พร้อมจัดทำรายงานตัวชี้วัดความยั่งยืนหลักได้”
ยุคใหม่ของกรีนไอที
ในปี 2021 ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้เปิดตัว Schneider Sustainability Impact (SSIs) เพื่อเผยแพร่ความมุ่งมั่นด้านความยั่งยืนของบริษัท ดังนั้นเพื่อให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของ SSI อลิซาเบธ แฮคเคนสัน ซึ่งเป็น CIO ของชไนเดอร์ อิเล็คทริค จึงได้ริเริ่มโครงการ Green IT ของบริษัท ซึ่งเป็นโครงการริเริ่มด้านไอทีเพื่อความยั่งยืนขององค์กร โดยจะระบุวิธีการเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนในรูปแบบใหม่ได้อย่างชาญฉลาด เพื่อช่วยให้โครงการดังกล่าวบรรลุเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซจากระบบไอที อย่างน้อย 5% ต่อปี
โดยในส่วนหนึ่งของโครงการนี้ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้ใช้ซอฟต์แวร์ EcoStruxure IT ซึ่งมีการนำไปปรับใช้ในไซต์งานหลักกว่า 140 แห่งทั่วโลก เพื่อช่วยให้การดำเนินงานด้านไอทีของบริษัทมีความยืดหยุ่น และปลอดภัยมากยิ่งขึ้น จากโครงการ Green IT ทำให้เห็นได้ชัดว่าความสามารถใหม่ๆ ภายใน EcoStruxure IT สามารถให้ประโยชน์ในการเพิ่มความยั่งยืนได้มากขึ้น ช่วยให้ชไนเดอร์ อิเล็คทริค มองเห็นการใช้พลังงานด้านไอทีของตนได้ดียิ่งขึ้น การใช้ข้อมูลเชิงลึกจาก EcoStruxure IT ช่วยให้บริษัทสามารถลดการใช้พลังงานในโรงงานอัจฉริยะที่เมืองเล็กซิงตัน รัฐเคนทักกี ได้มากถึง 30% ในช่วงครึ่งหลังของปี 2023 เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก
ในระหว่างกระบวนการดังกล่าว ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ยังได้นำบทเรียนสำคัญและข้อมูลเชิงลึกจากข้อมูลของตนมาใช้เพื่อเร่งการพัฒนาฟีเจอร์การออกรายงานใหม่ของ EcoStruxure IT ดังที่มีการประกาศในวันนี้
“เมื่อองค์กรต้องการลดการใช้พลังงานด้านไอที และศูนย์ข้อมูล รวมถึงลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน องค์กรจำเป็นต้องสร้างฐานข้อมูลที่อ้างอิงจากข้อเท็จจริง และการเข้าถึงข้อมูลแบบเรียลไทม์รวมถึงข้อมูลในอดีตคือสิ่งสำคัญ" อลิซาเบธ แฮคเคนสัน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสารสนเทศของ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค กล่าว “การใช้ EcoStruxure IT ช่วยให้เราเดินหน้าภารกิจเพื่อลดการใช้พลังงานด้านไอที และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งช่วยให้บริษัทบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนได้มากขึ้น ในวันนี้เรากำลังทำให้ประโยชน์เหล่านี้พร้อมสำหรับลูกค้าทั่วโลก”
ในเวลาที่บริษัทต่างๆ กำลังเตรียมรับมือกับกฎระเบียบที่กำลังจะเกิดขึ้น เช่น EU Energy Efficiency Directive กำหนดให้มีการรายงานการใช้พลังงานด้านไอที และศูนย์ข้อมูลตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2024 ทำให้การเข้าถึงข้อมูลหลักแบบเรียลไทม์ ยิ่งกลายเป็นเรื่องสำคัญมากขึ้น โดยการเปิดตัวแดชบอร์ดและฟีเจอร์การรายงานใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ใน EcoStruxure IT ทั่วภูมิภาคต่างๆ ช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลของตนได้อย่างรวดเร็วเพื่อปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านกฎระเบียบใหม่ได้