กลุ่มดุสิตธานี เตรียมเปิด 6 โรงแรมใหม่ในอินเดีย เดินหน้าขยายธุรกิจต่อเนื่อง ชูจุดเด่นนำเสนอบริการระดับลักซ์ชัวรีในเมืองรอง รุกทำตลาดเมืองศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่มีศักยภาพสูง แต่ขาดแคลนที่พักระดับพรีเมียม
กรุงเทพฯ, 9 เมษายน 2568 – กลุ่มดุสิตธานี ประกาศแผนขยายธุรกิจในอินเดียอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเปิดตัวแบรนด์ในกลุ่มโรงแรมระดับลักซ์ชัวรีและระดับพรีเมียมในตลาดใหม่ที่มีศักยภาพสูง โดยมุ่งเน้นเมืองรองและเมืองที่มีโอกาสเติบโตสูง แต่ยังขาดแคลนตัวเลือกที่พักระดับพรีเมียม แม้ว่าความต้องการจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปัจจัยด้านรายได้ที่เพิ่มขึ้น การเดินทางที่สะดวกยิ่งขึ้น และไลฟ์สไตล์ของนักเดินทางที่ให้ความสำคัญกับประสบการณ์การเข้าพักมากขึ้น
นายศิรเดช โทณวณิก รองประธานฝ่ายพัฒนาธุรกิจโรงแรม (ขวา) พร้อมนางสาวดีปิกา อโรรา ที่ปรึกษา – เอเชียใต้ (ซ้าย) ของกลุ่มบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยแผนการขยายธุรกิจในอินเดียระหว่างการแถลงข่าวที่จัดขึ้นที่โรงแรม เดอะลีลา พาเลซ ที่ นิวเดลี ประเทศอินเดีย เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2568
นายศิรเดช โทณวณิก รองประธานฝ่ายพัฒนาธุรกิจโรงแรม กลุ่มบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DUSIT เปิดเผยว่า กลุ่มดุสิตธานีเตรียมเปิดให้บริการโรงแรมใหม่เพิ่มขึ้นอีก 6 แห่งในประเทศอินเดีย ประกอบด้วย โรงแรมแบรนด์ดุสิตปริ๊นเซส จำนวน 4 แห่ง ที่เตรียมเปิดให้บริการในเมืองไรปุระ จำนวน 200 ห้อง, เมืองภิวาฑี จำนวน 165 ห้อง, เมืองโกลกาตา จำนวน 220 ห้อง และเมืองโลนาวัลลา อีกจำนวน 120 ห้อง และโรงแรมแบรนด์ใหม่ล่าสุด ดุสิต คอลเลคชั่น ซึ่งโดดเด่นด้วยประสบการณ์การเข้าพักแบบบูติกที่เปี่ยมด้วยความหรูหราและความพิถีพิถันในทุกรายละเอียด ที่จะเปิดให้บริการอีก 2 แห่ง ในเมืองกาโซลและมะนาลี จำนวนเมืองละ 40 ห้อง เพื่อตอบโจทย์นักท่องเที่ยวที่ต้องการความเงียบสงบท่ามกลางธรรมชาติอันงดงามของเชิงเขาหิมาลัย
ก่อนหน้านี้ กลุ่มดุสิตธานีได้เปิดตัวโรงแรมดุสิตดีทู ฟากู ในประเทศอินเดีย เมื่อปลายปี 2567 และได้เซ็นสัญญาพัฒนาโครงการใหม่ 3 แห่งในรัฐกรณาฏกะ ได้แก่ เดวาราณา สากเลศปุระ, กรณาฏกะ – อะ ดุสิต รีทรีตส์ ที่เตรียมเปิดให้บริการในปี 2571 และโรงแรมดุสิตปริ๊นเซส อีก 2 แห่ง กลุ่มดุสิตธานีจึงเดินหน้าสานต่อความสำเร็จ ด้วยแผนการเปิดโรงแรมใหม่อีก 6 แห่ง เพื่อตอบสนองความต้องการของนักเดินทางทั้งกลุ่มธุรกิจและการพักผ่อน ผ่านการบริการที่เป็นเอกลักษณ์ในแบบไทย และผสานความหรูหราเข้ากับการใส่ใจในสุขภาวะแบบครบมิติได้อย่างกลมกลืน
“อินเดียเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง ทั้งในเมืองศูนย์กลางเศรษฐกิจ เมืองรองและเมืองที่มีศักยภาพเติบโตสูง แต่เมืองเหล่านี้ยังขาดแคลนที่พักระดับพรีเมียมแม้ว่าจะมีความต้องการสูงอย่างต่อเนื่องก็ตาม ขณะเดียวกันอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของอินเดียกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว และผู้บริโภคให้ความสำคัญกับประสบการณ์การเข้าพักที่มีคุณภาพ เราจึงมุ่งนำเสนอการบริการแบบไทยที่เปี่ยมด้วยความเอื้อเฟื้อ ผสานแนวคิดด้านสุขภาวะที่ดี และสร้างจุดหมายปลายทางที่มีเอกลักษณ์ เพื่อมอบประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้กับนักเดินทางชาวอินเดีย พร้อมทั้งมุ่งพัฒนาความร่วมมือกับพันธมิตรท้องถิ่นที่มีวิสัยทัศน์ เพื่อร่วมกันยกระดับมาตรฐานการบริการของอินเดียให้เติบโตอย่างยั่งยืน" รองประธานฝ่ายพัฒนาธุรกิจโรงแรมกลุ่ม บมจ.ดุสิตธานี กล่าว
กลุ่มดุสิตธานียังมีวิสัยทัศน์ในการพัฒนาระบบนิเวศด้านการบริการแบบครบวงจรในอินเดีย ที่ครอบคลุมทั้งที่พักระดับลักซ์ชัวรี การดูแลสุขภาพแบบองค์รวม อาหารระดับพรีเมียม และการศึกษาด้านการโรงแรม เพื่อสร้างคุณค่าในระยะยาว โดยมี “ทรี ออฟ ไลฟ์” (Tree of Life) ซึ่งเป็นโครงการด้านความยั่งยืนของดุสิตธานีเป็นแนวทางหลัก โดยโครงการนี้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ และกำหนดเกณฑ์ที่สามารถวัดผลได้ถึง 31 ข้อ เพื่อให้มั่นใจว่าทุกโครงการของกลุ่มดุสิตธานีจะส่งผลเชิงบวกต่อชุมชนที่เกี่ยวข้อง พร้อมกันนี้ กลุ่มดุสิตธานียังให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรในท้องถิ่น ผ่านสถาบันการศึกษาด้านการโรงแรม เพื่อยกระดับมาตรฐานการบริการของอินเดียให้ทัดเทียมระดับสากลอีกด้วย
รองประธานฝ่ายพัฒนาธุรกิจโรงแรมกลุ่ม บมจ.ดุสิตธานี กล่าวด้วยว่า การขยายธุรกิจในอินเดียครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การเติบโตของดุสิตธานีในตลาดที่มีศักยภาพสูง อาทิ เวียดนาม อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น จีน และอินเดีย โดยดุสิตธานีตั้งเป้าขยายเครือข่ายโรงแรมใหม่กว่า 100 แห่งทั่วโลกภายใน 5 ปี เพื่อนำเสนอประสบการณ์การเข้าพักที่ผสมผสานเอกลักษณ์แบบไทยเข้ากับวัฒนธรรมท้องถิ่น เพื่อดึงดูดนักเดินทางจากทั่วทุกมุมโลก